ส.อ.ท. เตือนภาคผลิตรับมือ วิกฤติพลังงานลากยาวปีหน้า

นับตั้งแต่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในช่วงกลางปี 2565 ทำให้ภาคการท่องเที่ยวและดีมานต์ในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัว

สะท้อนจากความเชื่อมมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว 5 เดือนติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังกดดันความเชื่อมั่นในอนาคต รวมทั้ง อุตสาหกรรมต้องเร่งเตรียมพร้อมรับมือกรณีส่งออกหดตัว รวมถึงวิกฤติพลังงานที่ยังมีความกังวลต่อต้นทุนการผลิตในปี 2566

กฤษณ์ อิ่มแสง เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับสถานการณ์สำคัญในปีหน้า คือการรับมือกับต้นทุนด้านราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง ถึงแม้ว่าราคาต้นทุนในหลายผลิตภัณฑ์ต้นทางที่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานเริ่มจะมีแนวโน้มลดลง แต่วิกฤติความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนจะส่งผผลในเชิงจิตวิทยาที่กดดันให้ราคาพลังงานอยู่ในระดับสูงอย่างยาวนาน

ข่าวเศรษฐกิจโลกล่าสุด วันนี้

ปัจจัยดังกล่าวทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องเข้าสู่โหมดการประหยัด ความหมายคือถ้าราคาพลังงานสูงขึ้น 10% อุตสาหกรรมต้องใช้พลังงานลดลง 10% เพื่อทำให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ในขณะเดียวกัน ยังต้องจับตาสถานการณ์สำคัญด้านความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ การเลือกตั้งในสหรัฐ รวมถึงผลการประชุมเอเปคที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้ อาจส่งผลในเชิงจิตวิทยาต่อภาคอุตสาหกรรม ภาคการบริการ รวมถึงการบริโภคทั่วโลกในอนาคต

“สำหรับการคาดการณ์ในปีหน้า ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ส.อ.ท. ตั้งสมมติฐานไว้ว่าภาคการส่งออกจะหดตัวอย่างรุนแรง จึงอยากให้ภาคอุตสาหกรรมทุกส่วนเตรียมความพร้อมในความเป็นไปได้นี้ และมองการอยู่รอดในกรณีที่ต้องพึ่งพาแต่ตลาดในประเทศ โดยเตรียมตัวทั้งฝ่ายขายในการรักษาฐานลูกค้าเดิม การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งการแสวงหาโมเดลธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศและโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี”

เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือน ก.ย.2565 อยู่ที่ระดับ 91.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนีฯ ยังต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับที่ไม่ดี

ทั้งนี้ องค์ประกอบดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐประกาศยกเลิกโรคโควิด-19 จากโรคติดต่อร้ายแรง เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังภายหลังสถานการณ์ระบาดทั่วโลกคลี่คลายลง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและภาคการท่องเที่ยว

สำหรับด้านการส่งออก ประเทศคู่ค้าเริ่มสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อส่งมอบในช่วงปลายปี สะท้อนจากดัชนีฯ คำสั่งซื้อและยอดขายโดยรวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีฯ ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการดูแลพลังงานของภาครัฐ รวมถึงปัญหาขาดแคลนชิปเริ่มคลี่คลายลง

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบในเดือนนี้ ได้แก่ ปัญหาอุทกภัย ในหลายจังหวัดได้สร้างความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรและกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อคมนาคมและขนส่งสินค้ารวมทั้งส่งผลกระทบต่อภาคการก่อสร้าง นอกจากนี้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันธนาคารพาณิชย์เริ่มมีการทยอยปรับดอกเบี้ยนอกกระดาน โดยพูดคุยกับลูกค้าที่มีกำลังในการจ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รวมถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน